อินโดผ่านกฎหมาย ห้ามมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส
อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง รัฐสภาอินโดนีเซียอนุมัติกฎหมายอาญาฉบับใหม่ ที่กำหนดให้การร่วมเพศ นอกสมรสมีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ที่เรียกเสียงวิจารณ์อย่างมาก ว่าเป็นข้อบังคับที่ริดรอนสิทธิของประชาชน
ข้อบังคับดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จะบังคับใช้ทั้งยังกับชาวอินโดนีเซีย และชาวต่างชาติ รวมทั้งข้อบังคับคุณธรรมอีกหลายฉบับ ที่จะทำให้คู่ชีวิตที่ยังไม่ได้แต่งงาน ที่อยู่ด้วยกัน และ ร่วมเพศกัน ถือเป็นของผิดกฎหมายอีกด้วย
คู่สามีภรรยาหรือบิดามารดา สามารถฟ้องร้องในความผิด ฐานร่วมเพศนอกสมรสได้ และการทำผิดในการล่วงประเวณีดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จะก่อให้ผู้กระทำอาจได้รับโทษจำคุก
กลุ่มสิทธิมนุษยชนบอกว่า ข้อบังคับดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ส่งผลกระทบต่อสิทธิสตรี กลุ่ม LGBT และชนกลุ่มน้อยในประเทศ ทำให้มีผู้คนกลุ่มเล็กๆออกมารวมตัวกันต่อต้าน หน้าตึกรัฐสภาในกรุงจาการ์ตา
ประมวลกฎหมายใหม่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จะยังไม่เป็นผลบังคับใช้ ไปจวบจนกระทั่งในอีก 3 ปีด้านหน้า โดยข้อบังคับที่มีการเปลี่ยนใหม่นี้ยัง รวมทั้ง ข้อบังคับที่ห้ามการดูหมิ่น ประธานาธิบดี และ การพูดต้านอุดมการณ์ของรัฐ
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ข้อบังคับใหม่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีการหยุดสิทธิในการแสดงออกทางการเมือง และจำกัดความอิสระทางศาสนา
ด้านสมาชิกรัฐสภาอินโดนีเซียกล่าวว่า พวกเขาได้เพิ่มการคุ้มครองป้องกันสิทธิเสรีภาพในการพูด และ การต่อต้านที่เกิดขึ้น เพื่อผลดีสาธารณะ
องค์กรฮิวแมนไรท์วอชบอกว่า บทบัญญัติของประมวลกฎหมายใหม่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ของอินโดนีเซีย ถือเป็นหายนะด้านสิทธิมนุษยชน และ ถือเป็นความปราชัยครั้งใหญ่ของประเทศ ที่บากบั่นจะปรากฏตัว ว่าเป็นชาวมุสลิมสมัยใหม่ที่เป็นระบบประชาธิปไตย
อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง ใครละเมิดต้องติดคุก
ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายใหม่นี้ แบ่งเป็นผู้ที่มีความข้องเกี่ยวทางเพศก่อนแต่งงาน จะต้องถูกจับกุม และ ต้องโทษจำคุก ซึ่งมีกำหนดสูงสุดคือ 1 ปี สำหรับคู่ชีวิต ที่ดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกัน โดยไม่ได้เข้าพิธีสมรส หรือมีสถานะเป็นสามีภรรยา โดยชอบด้วยกฎหมาย จะต้องได้รับโทษจำคุกเช่นกัน แต่ว่ามีกำหนดโทษสูงสุดอยู่ที่ 6 เดือน
ตามข้อกำหนดของข้อบังคับใหม่ พ่อแม่หรือผู้ปกครองของคนไม่มีแฟนที่ร่วมเพศกับบุคคลอื่น จะต้องฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงความประพฤติของลูกของตัวเอง แต่ว่าในกรณีของบุคคลที่แต่งงานแล้ว เกิดมีชู้หรือนอกใจ ผู้ที่จะร้องทุกข์ได้ คือสามีภรรยาเท่านั้น
ตามรายงานข่าว ได้มีความบากบั่นที่จะผ่านร่างกฎหมายนี้ มายาวนานกว่าทศวรรษแล้ว ตอนแรกคาดว่า ร่างแรกของข้อบังคับดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จะผ่านความเห็นชอบรัฐสภาใน ปี 2562 แต่ว่า ก็เจอกระแสต่อต้าน จากประชาชนจำนวนมาก ในหลายเมืองใหญ่เสียก่อน
เนื้อหาของการปรับแก้กฎหมาย
ประเด็นการ ปรับแก้ประมวลกฎหมายอาญา ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ที่เป็นข้อแย้งเร่าร้อน คือ การกำหนดให้การร่วมเพศก่อนสมรส และ การร่วมเพศนอกสมรส รวมทั้ง การอาศัยอยู่ร่วมกันของคู่ชีวิตที่ยังไม่สมรส ถือว่าผิดกฎหมายอาญา
ประมวลกฎหมายใหม่ ยังมีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติที่พำนักพักพิง อยู่ในอินโดนีเซีย รวมทั้งนักท่องเที่ยวด้วย
นอกเหนือจากนั้น มาตราที่ถูกปรับแก้ ยังรวมทั้ง การบัญญัติกฎหมายห้ามการเปลี่ยนศาสนา และ บทกำหนดโทษกรณีการพูดลบหลู่ดูหมิ่นประธานาธิบดี หรือแสดงความเห็น ที่ขัดกับอุดมคติของประเทศชาติ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการเพิ่มบทกำหนดโทษ กรณีลบหลู่ดูหมิ่นศาสนา เป็นอันตรายจำคุก 5 ปีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการตรวจดูร่างกฎหมายของกระทรวงข้อบังคับ และ สิทธิมนุษยชน ชี้ว่า การปรับแก้ ข้อบังคับครั้งนี้ จะช่วยปกป้องสถาบันครอบครัว และ ความศักดิ์สิทธิ์ของการสมรส
ไม่เพียงเท่านั้น ตัวบทกฎหมาย จะมีผลก็ต่อเมื่อ คู่สามีภรรยา บิดามารดา หรือลูกๆเป็นผู้ฟ้องร้องถึงการกระทำผิด ทั้งยัง ร่วมเพศก่อนสมรส และนอกสมรส
ห้ามมีเซ็กซ์นอกสมรส-อยู่ก่อนแต่ง นักท่องเที่ยวก็โดน
สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย กล่าวว่า รัฐสภาของประเทศอินโดนีเซียเห็นชอบข้อบังคับอาชญากรรมใหม่ในวันอังคารที่ 6 ธ.ค. 2565 ห้ามมีผู้ใดก็ตามร่วมเพศนอกการสมรส มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า ข้อบังคับนี้จะก่อให้นักท่องเที่ยวกลัวจนไม่กล้าเดินทางมา และอาจส่งผลเสียต่อการลงทุน
ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียมีข้อบังคับห้ามร่วมเพศกับผู้ที่ไม่ใช่สามีภรรยาของตนอยู่แล้ว แต่ว่าไม่เคยห้ามการร่วมเพศระหว่างคนที่ยังไม่แต่งงาน โดยข้อบังคับใหม่จะมีผลต่อทั้งยังชาวอินโดนีเซีย, ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่หรือเดินทางเข้ามาในอินโดนีเซีย และยังห้ามการอยู่ก่อนแต่งงานระหว่างคู่ชีวิตด้วยถ้าหากฝ่าฝืนจะต้องต้องโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน แต่ว่าข้อบังคับฉบับนี้จะยังไม่เป็นผลตรงเวลา 3 ปี เพื่อร่างแนวทางการบังคับใช้กฎ
อย่างไรก็ดี ข้อบังคับดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเผชิญเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายว่า ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ ได้แก่นายเมาลานา ยูสราน รองประธานคณะกรรมการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งอินโดนีเซีย กล่าวว่า ข้อบังคับใหม่นี้เป็นการถ่วงความรุ่งเรืองอย่างสิ้นเชิง ขณะที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกำลังเริ่มฝื้นตัวกลับมาจากการระบาดของโควิด-19
“เราเสียใจอย่างยิ่งที่รัฐบาลปิดตาตัวเอง เราแสดงความกังวลต่อกระทรวงการท่องเที่ยวถึงความอันตรายของกฎหมายนี้ไปแล้ว” นายยูสรานกล่าว
โดยสมาคมการท่องเที่ยวเกาะบาหลีเคยคาดการณ์ไว้ว่า นักท่องเที่ยวจะกลับมาอยู่ระดับก่อนโควิดระบาดที่ 6 ล้านคนภายในปี 2568 ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียยังพยายามดึงดูดกลุ่มคนที่ทำงานผ่านทางออนไลน์ หรือ digital nomad ให้มาเที่ยวในประเทศดด้วยการผ่านคลายกฎวีซ่าด้วย
ด้านนายอัลเบิร์ต แอรีส โฆษกกระทรวงยุติธรรมอินโดนีเซีย กล่าวว่าการบังคับใช้กฎหมายใหม่จะถูกจำกัดโดยผู้ที่สามารถแจ้งความได้ เช่น พ่อแม่, คู่สมรส หรือลูกของผู้ต้องสงสัยกระทำผิด
“จุดประสงค์ของกฎหมายนี้คือการปกป้องสถาบันการแต่งงานและค่านิยมของอินโดนีเซีย ในเดียวกันก็ปกป้องความเป็นส่วนตัวของชุมชนและปฏิเสธสิทธิ์ของสังคมหรือบุคคลที่ 3 ไม่ให้แจ้งความเรื่องนี้หรือ ‘ทำตัวเป็นผู้พิพากษา’ โดยอ้างศีลธรรม” นายแอรีสกล่าว